วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วิปโฟมล้างหน้าสำหรับคนขี้เกียจมานั่งตีฟองโฟม>>Bifesta Foaming Whip Sebum

Hiiiii มาคราวนี้นิกส์ก็มีผลิตภัณฑ์มานำเสนอและรีวิวอีกแล้ว ซึ่งหัวข้อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการล้างหน้า ถ้าใครเคยอ่านบล็อกนิกส์มาจะพอทราบว่านิกส์ชอบการล้างหน้าด้วยวิปโฟมมาก เพราะทำความสะอาดได้ดีแถมหน้าจะไม่เหียวและมีริ้วรอยก่อนวัยด้วย แต่จะให้มานั่งฟองโฟมตลอด บอกเลยว่าบางทีนิกส์ก็ขี้เกียจถึงแม้จะมีตาข่ายตีฟองช่วยก็เหอะ เลยหาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่จะช่วยทุ่นเวลาไม่ต้องมานั่งตีฟองให้ฟูๆเอง และนิกส์ก็ได้เจอกับ Bifesta Foaming Whip ซึ่งเป็นโฟมล้างหน้าแบบกระป๋องวิปครีมกดเอา ขวดค่อนข้างใหญ่ โดยมีนวัตกรรม CO2 ที่ช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดใต้ผิว ทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี และตัวนี้จะช่วยให้เกิดฟองโฟมที่ฟูและแน่น ซึ่งแบรนด์นี้เค้ามี 2 สูตรให้เลือกตามสภาพผิว คือ
Bifesta Foaming Whip Sebum (180g) (สูตรซีบัม ผิวมัน-ผิวผสม) ขวดสีเขียวมิ้นต์
  - ขจัดความมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน เพื่อผิวเนียนนุ่ม
  - ช่วยกระชับรูขุมขน ด้วยส่วนผสมของชาเขียว (Green Tea Extract)
Bifesta Foaming Whip Brightup (180g) (สูตรไบรท์อัพ ผิวกระจ่างใส) ขวดสีน้ำเงินพาสเทล
  - ขจัดเซลล์ผิวเก่า ด้วย Lactic Acid (AHA จากน้ำนม) เผยผิวสว่างกระจ่างใสขึ้น
  - เพิ่มความชุ่มชื่น ด้วย Hyaluronate
ทั้งสองตัวราคาเท่ากัน คือ 195฿ ราคาไม่แพงมาก เพราะได้ปริมาณมาเยอะอยู่ 180g ซึ่งนิกส์เป็นคนผิวผสมค่อนมันเลยใช้ Bifesta Foaming Whip Sebum  นะคะ





อย่างที่เห็นเค้ามาในแบบกระป๋องกดหัวเอา โดยเค้าจะมีการห่อพลาสติกเอาไว้ ที่นี้เวลาดูส่วนผสมและข้อมูล จะมีแปะอยู่ที่ด้านหลังโดยข้อมูลภาษาไทยจะเปะอยู่บนพลาสติกที่หุ้ม ถ้าฉีกพลาสติกออกมา ตัวรายละเอียดก็หลุดออกมาาด้วย ส่วนที่ด้านหลังขวดจะเป็นข้อมูลภาษาญี่ปุ่น โดยในส่วนผสมที่สำคัญ มีการใส่สารสกัดจากชาเขียว สารไฮยาลูรอนเนต สองสารนี้จะมีส่วนช่วยให้หน้าชุ่มชื้นและกระชับรูขุมขน แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อสร้างฟองโฟม และส้ม เพื่อให้กลิ่นและความกระจ่างใส โดยไม่มีการใส่แอลกอฮอล์/สี/น้ำหอม/พาราเบน คนที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายน่าจะลองใช้ได้ดี

เวลาใช้ก็ทำการเขย่าขวดสัก2-3ครั้ง จากนั้นเอาจุกตรงคอหัวปั๊มออกก่อนนะคะ แล้วกดที่หัวปั้มใส่มือเบาๆ (อย่ากดแรงน้าาา ไม่งั้นล่ะฟองโฟมมาเต็มแน่ > <" ) กดออกมาให้ได้ฟองโฟมขนาดประมาณลูกปิงปอง แล้วนำมาลูบวนเบาๆทั่วใบหน้าเพื่อให้ผิวสะอาดและกระตุ้นการไหลของเลือดไปในตัว 20-30 วินาที  แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ใช้เสร็จก็เอาจุกเสียบไว้ที่เดิมกันโดนตรงหัวกด เพราะนิกส์เคยเผลอไปโดนเบาๆตอนจะหยิบแชมพู ฟองโฟมออกมาเลย = =" แล้วจะเก็บขวดก็อย่าไปเก็บใกล้เตาไฟหรือแหล่งที่ร้อนจัดนะคะ เดี๋ยวขวดมันจะระเบิดเอาเพราะข้างในเค้าก็าซอยู่ พวกนี้ไม่ชอบความร้อนเท่าไหร่ อีกทั้งความร้อนจะทำให้คุณค่าสารสกัดต่างๆเสียได้ง่ายขึ้น เสียตังแล้วต้องให้ได้ใช้นานๆ > 0 <


จากรูปจะเห็นว่าโฟมล้างหน้าบิเฟสต้ารุ่นเซบัม มีเนื้อโฟมแน่นนุ่มมาก สามารถเกาะอยู่บนมือได้นานพอตัวโดยไม่ร่วง (นานกว่าไอติมที่คว่ำให้ดูเยอะ 555) โดยใช้การสร้างฟองโฟมจากก็าซคาร์บอนไดออกไซด์เหมือนการทำวิปโฟมใส่ขนมอ่ะค่ะ



จากที่ใช้มา ชอบตรงที่ประหยัดเวลา ไม่ต้องตีเนื้อโฟมเอง แค่กดออกมาก็ได้เนื้อโฟมที่แน่นนุ่ม ซึ่งจะช่วยลดการเสียดสีต่อผิวหน้า ทำให้ป้องกันการเกิดริ้วรอย เวลาลูบแล้วรู้สึกนุ่มๆดี ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้ดี ลองใช้โทนเนอร์เช็ดตามก็ไม่มีรอยคราบใดๆเหลือออกมา กลิ่นเวลาใช้จะได้กลิ่นหอมอ่อนเหมือนส้มยูซุ นิกส์ลองใช้ไม่เกิดการแพ้ใดๆแต่จะรู้สึกร้อนนิดๆเวลาลูบมาใกล้ตา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกรดที่ใส่มาหรือคาร์บอนไดออกไซด์ทำปฏิกิริยากับน้ำกลายเป็นกรดอ่อนเลยทำให้รู้สึกร้อนขึ้นมาหน่อย แต่โดยรวมคือชอบนะ ^ 0 ^

ใครที่สนใจผลิตภัณฑ์สามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าชั้นนำทั่วไปและซุปเปอร์มาร์เกตต่างๆ ส่วนใครต้องการติดตามข้อมูลและข่าวสารของ Bifesta {มีเล่นเกม ชิงรางวัลบ่อยอยู่ ^^ } 
ทางเวบไซต์ http://www.bifestathailand.com/
ทางเฟซบุค https://www.facebook.com/BifestaThailand
สำหรับวันนี้ นิกส์ไปก่อนนะค้าาา Byeee  ^^ //

ตัวช่วยให้ผิวหน้าแลดูสุขภาพดีหลังการหน้าจากดอกสายน้ำผึ้ง กับ Mamonde First Energy Essence

อันยองงงง ผู้อ่านทุกท่าน ทักทายเกาหลีกันขนาดนี้ไม่ต้องถามเลยว่าวันนี้นิกส์จะมารีวิวผลิตภัณฑ์จากประเทศไหน 55 :) ไหนใครทายไม่ถูก มาๆ บอกให้ วันนี้นิกส์จะมารีวิวผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Mamonde อ่านว่า "มามอนด์" ซึ่งมาจากเกาหลีนั่นเองค่าา ซึ่งแบรนด์นี้นิกส์ได้อ่านรีวิวจากบล็อกเกอร์และคนที่รีวิวในพันทิป จีบันมาหลายคนตั้งแต่ประมาณสองปีก่อนละ อีกอย่างพี่สายป่าน (sp saypan) [หนึ่งในบล็อกเกอร์ที่นิกส์ตามเลยค่ะ] เคยพูดถึงตัวอายส์ครีมของแบรนด์นี้ว่าดีงามด้วย เราก็อยากลองเนอะซึ่งสินค้าแต่ละชิ้นคะแนนรีวิวสูงมากทั้งนั้น พอดีมีโอกาสว่างๆก่อนไปศูนย์หนังสือจุฬาเลยไปที่พารากอนเดินเตาะแตะหาสกินแคร์มาใช้แทนอันเก่าของนิกส์ที่หมดไป ซึ่งตัวเก่ามันแพงง่าาา ซื้อแล้วเจ็บปวดกระเป๋าตังมาก เลยเดินวนๆไปแล้วเจอเคาเตอร์ของทางมามอนด์ ซึ่งนิกส์เคยเห็นพรีเซนเตอร์ของทางแบรนด์นั่นคือ ปาร์คชินฮเย (Park Shin Hye) หรือน้องผักนั่นเองค่าาา (ได้ข่าวนางแก่กว่าชั้น แต่ทำไมหน้าเด็กกว่า ==" ) ซึ่งเป็นนางเอกซีรี่ย์เกาหลีคนนึงที่นิกส์ชอบมากเพราะสามารถแสดงได้ดี แถมมีเอกลักษณ์ทำให้จำง่าย ซึ่งนิกส์ชอบมาตั้งแต่แสดงYou're Beautiful, The Heirs,Pinocchio และก็เรื่องล่าสุดDoctors ที่แสดงทีชั้นก็จิกหมอนแทบกระจุย 555 ></// น้องผักถือว่าเป็นพรีเซนเตอร์ที่ดังมากแล้วเค้าก็มีโฆษณาMamonde First Cushionด้วย พอเดินไปเจอแบรนด์นี้เลยอยากลองสินค้าเค้าด้วยแถมตัวที่เค้าพรีเซ้นต์ที่เป็นตัวเด่นเลยก็ตรงกะที่นิกส์กะลังคิดจะสอยมาพอดี เลยจัดมาซะหน่อย

ก่อนอื่นให้ดูหน้าพรีเซนเตอร์ผู้น่ารักพร้อมโฆษณากันก่อน สวยใช่มะล่าาา ^^





แบรนด์มามอนด์ (Mamonde) เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้ ภายใต้บริษัท อมอร์แปซิฟิก โดยคีย์หลักของแบรนด์นี้คือการนำดอกไม้นานาพันธุ์มาเป็นส่วนผสมเพื่อการดูแลผิว เพื่อให้ผิวมีความสวยและแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก  โดยทางแบรนด์มีการเปิดตัวในเมืองไทยเมื่อประมาณกุมภาพันธ์ 2016 โดยตอนนี้เค้ามีทั้งหมด 3 สาขา
- เคาน์เตอร์ สยามพารากอน ชั้น M โซน Beauty Hall Tel. 02-610-7756
- เคาน์เตอร์ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ชั้น 1 โซน Beauty Hall Tel.02-550-0465
- เคาน์เตอร์ เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 1 โซน Beauty Gallery Tel.02-541-1197




อันนี้เป็นภาพจากสาขาสยามพารากอนนะคะ เดินตรงเข้าไปผ่านพวกคลีนิกซ์และสารพัดน้ำหอม จะเห็นขวดเหลืองขาวใหญ่ๆชัดเจนเลยค่ะ 555 ^ 0 ^


มีเทสเตอร์ให้ลองเยอะอยู่ แบ่งเป็นกลุ่มๆ เลือกง่ายดีค่ะ




มีเครื่องสำอางมากกว่าที่นิกส์คิดไว้อีก ปกติเคยอ่านแต่รีวิวของพวกสกินแคร์กับคูชั่น น่าลองๆ >0<


ภาพชินฮเยใหญ่มากกก ไม่เห็นให้รู้ไป 555 


นี่คือคูชั่นที่นิกส์บอกนะคะ เพิ่งออกมารุ่นเดียวการปกปิดค่อนข้างดีเลย มีคนบอกว่าคุมมันดี แต่สีมีให้เลือกน้อย ถ้าผิวเข้มมากคงต้องข้ามไปก่อนนะคะ กำลังเล็งว่าจะไปสอยมาใช้อยู่  ตอนที่นิกส์ไปเค้ามีจัดกิจกรรมชิงรางวัลไปเที่ยวกับปาร์คชินฮเยที่มาเลเซียด้วย



อันนี้เค้ามีจัดชุดเซ็ต ซ้าย 1,450฿ ขวา 1,590฿ แล้วได้ลุ้นไปมาเลเซียด้วย 
นิกส์ว่าก็คุ้มอยู่นะได้ลองหลายชิ้นด้วย อยู่ตรงเคาเตอร์ที่นั่งพนักงานอ่ะค่ะ เผื่อใครสนใจ

ทีนี้ตัวที่นิกส์ไปสอยมาก็คือ Mamonde First Energy Essence ซึ่งเป็นตัวที่นิกส์จะมารีวิวด้วย โดยMamonde First Energy ตอนนี้เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใหม่ล่าสุด ที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียนกระชับและกระจ่างใส ฟื้นฟูบำรุงผิว คืนความสดใสเปล่งประกายให้กับผิวด้วยดอกสายน้ำผึ้งหรือ Honey Suckle ที่ผ่านกระบวนการหมักบ่มพร้อมมีแลคโตบาซิลลัสที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวด้วย โดยผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีมา 2 ตัว คือ Mamonde First Energy Essence (มามอนด์ เฟิร์ส เอเนอจี เอสเซน) 150ml  และ
Mamonde First Energy Serum (มามอนด์ เฟิร์ส เอเนอจี เซรั่ม) 100ml โดยตัวเอสเซนจะเหมาะสำหรับคนผิวมัน/ผิวผสม และชนิดเซรั่มจะเหมาะสำหรับคนผิวแห้ง โดยราคาทั้งคู่เท่ากัน 990฿ โดยจะใช้เพือการปรับสมดุลผิวหลังการล้างหน้า และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดูสุขภาพดี ก่อนบำรุงขั้นถัดไป


อันนี้ภาพทั้งคู่ที่เคาเตอร์


นีคือภาพดอกสายน้ำผึ้ง ซึ่งจะเปลี่ยนจากสีขาวมาเป็นสีเหลือง เครดิตตามในรูปเลยนะคะ


นี่คือชิ้นที่นิกส์ไปสอยมาโดยมีพนักงานที่เคาเตอร์ช่วยเลือกมาค่ะหลังจากลองนู่นนี่ 555 โดยขวด Mamonde First Energy Essence ค่อนข้างใหญ่อยู่นะคะ มีสายดอกไม้น่ารักดีค่ะ



ด้านหลังขวดภาษาเกาหลีมาเต็ม ขนาดนิกส์อ่านออกยังขอบายอ่ะ เห็นแล้วตาลายมาก กระดาษกล่องเค้าเป็นนูนต่ำด้วยแหละเลยยิ่งทำให้อ่านยาก ซึ่งเค้ามีเล่าที่มาของแบรนด์ ประโยชน์ของดอกสายน้ำผึ้ง และก็รายละเอียดของผลิตภัณฑ์

ส่วนนี่่คือ ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ที่นิกส์ขีดเส้นใต้ไว้เพราะเป็นตัวที่มีความสำคัญได้แก่ สารสกัดเข้มข้นจากดอกสายน้ำผึ้งที่ใช้แทนน้ำเลย และใส่มา 81.31% ถือว่าเยอะมาก และแลคโตบาซิลลัสที่ได้จากการหมักบ่ม ซึ่งทำงานได้ดีกว่าวิตามินซี เพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใสและต่อต้านอนุมูลอิสระ กับตัวแอลกอฮอล์และน้ำหอมที่คนที่แพ้ขอให้ระวังหรือไปลองทดลองผลิตภัณฑ์ดูก่อนว่าแพ้มั้ย แต่น้ำหอมเค้าใส่มาไม่เยอะเท่าไหร่เพราะขนาดนิกสืใช้ยังไม่ค่อยได้กลิ่นเท่าไหร่เลย แต่นิกส์แนะนำว่าให้ไปลองดูก่อนจะดีกว่าค่ะ ผิวคนเราไม่ได้เหมือนกัน 

ทีนี้มาดูการใช้และผลลัพธ์หลังจากที่นิกส์ลองมาสัปดาห์กว่าๆ คล้ายๆเป็น first impression เพราะจะให้สกินแคร์บอกผลในวันเดียวคงไม่ได้ หรอกเนาะ 555 โดยวิธีการใช้จะใช้หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้วถ้าใครใช้โทนเนอร์ก็เช็ดโทนเนอร์ให้เสร็จก่อน แล้วเทผลิตภัณฑ์ใส่มือหรือใครจะใช้สำลีเช็ดก็ได้นะคะ โดยจะเช็ดหรือทาจากบริเวณจมูกเว้นรอบตากับปากไว้ ไล่ไปยังแก้มและตามด้านข้าง โดยใช้การกดผลิตภัณฑ์เบาๆเพื่อให้เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมเข้าผิวด้วย {เดี๋ยวดูในคลิปได้ค่ะ ^^ } 








ในส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์เนื้อของเอสเซนจะเป็นน้ำใสๆเลย {ถ่ายให้ดูสองแสงเลย ว่าใสจริง ^^ } ตอนที่เปิดขวดมาครั้งแรกนิกส์ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ด้วย แต่พอใช้ครั้งที่สองก็ไม่มีกลิ่นละ เวลาจะดมกลิ่นก็เอามาใกล้ๆจะได้กลิ่นดอกไม้อ่อนๆ อ่อนมากจริงๆช่วงเป็นหวัดนี่ไม่ได้กลิ่นเลย เวลาที่ทาบนหน้าแล้วนิกส์ได้กลิ่นคล้ายๆของหมักเหมือนเวลาเข้าไปโรงงานไวน์อ่ะค่ะ แต่หลังการทาก็ไม่มีกลิ่นอะไรนะคะ ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์ซึมไวมาก ทำให้สามารถลงสกินแคร์ตัวถัดไปได้เลย ไม่ต้องเสียเวลารอแห้ง ในส่วนของตัวเซรั่มนิกส์ได้ลองที่เคาเตอร์เค้าก็มีกลิ่นอ่อนๆเหมือนๆกันแต่ตัวเนื้อจะขุ่นขาวกว่าและข้นกว่าตัวเอสเซนหน่อย แต่พอเกลี่ยก็จะใสและซึมหายไปไม่ทิ้งคราบ แต่จะซึมช้ากว่าตัวเอสเซนหน่อย ตอนแรกนิกส์ก็ลังเลว่าจะเอาตัวเซรั่มมาดีมั้ย แต่เค้าบอกให้เลือกตรงกับผิวจะดีกว่านิกส์เลยเอาตัวเอสเซนมา เพราะคิดว่ายังไงก็ทำงานหน้าที่เดียวกันเอาแบบที่ซึมเร็วๆและตรงกับผิวก็ดี



อย่างที่บอกในคลิปนิกส์ได้ลองแบบ first impressionของ สกินแคร์เลย คือ 10วัน เพื่อให้รู้ผลลัพธ์คร่าวๆ จากการใช้ที่ผ่านมา นิกส์ให้ 9/10 คะแนน เพราะจากที่ใช้มาครีมบำรุงขั้นถัดไปทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น เนื้อซึมง่ายแห้งเร็ว ทำให้ไม่ต้องมานั่งรอหน้าแห้ง ไม่ทำให้หน้ามัน เป็นคราบ แพ้หรือลอก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ มีส่วนผสมของสารสกัดจากดอกสายน้ำผึ้งมาในปริมาณเยอะ ทำให้ผิวดูสม่ำเสมอขึ้นในระดับนึง แต่สำหรับนิกส์จากที่ลองมายังเห็นผลในเรื่องความสดใส ตึงกระชับ ไม่ชัดเจน อีกทั้งตอนเพิ่งเปิดขวดกลิ่นแอลกอฮอล์นี่มาเลย คนที่แพ้คงต้องไปลองเทสต์ก่อนซื้อ ในส่วนที่ยังไม่เห็นผลอาจจะต้องให้ระยะเวลาเค้านานกว่านี้เพื่อแสดงผลลัพธ์ก่อน ซึ่งราคาไม่สูงมากตก 6.6฿/1ml นิกส์ถือว่าเป็นการลงทุนที่ดีเพื่อให้ผิวสวยๆอยู่กับเราไปนานๆ

อย่างที่รีวิวไปใครสนใจอยากลองสามารถไปตามเคาเตอร์ที่นิกส์บอกด้านบนได้เลยนะคะ ส่วนใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สามารถไปดูและสอบถามได้ที่ https://www.facebook.com/Mamondethailand/?fref=ts สำหรับนิกส์ขอตัวไปก่อนละค่าา บัยยยย :)

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2559

มาทำให้ใต้วงแขนขาวกันด้วยNATURE REPUBLIC COTTON ARMPIT KIT + HAIR REMOVAL CREAM ^0^

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะค้าาาาา ช่วงนี้กลางวันอากาศร้อน ตอนเย็นก็ฝนตกอีก จะให้ใส่เสื้อผ้าที่แห้งยากๆนิกส์ก็ขี้เกียจอีก เลยใส่แขนสั้นแขนกุดซะเลยจะได้แห้งง่ายๆหน่อย แต่ปัญหามันอยู่ทีตอนโหนรถเมล์รถไฟฟ้านี่สิ มันก็แอบไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ เพราะนิกส์มีปัญหาทั้งผิวใต้วงแขนคล้ำจากการที่ตอนเด็กอ้วนมากๆมาก่อนแล้วมันเสียดสีกันจนคล้ำลองมาหลายผลิตภัณฑ์ก็หาที่ดีๆไม่ได้สักที แถมการถอนขนด้วยแหนบก็สร้างปัญหาผิวหนังไก่อีก = =" (ดูปัญหาจะเยอะ 555) พอดีนิกส์ได้ผลิตภัณฑ์มาใหม่จากแบรนด์ฝั่งโคเรียมา นั่นคือ แบรนด์ "NATURE REPUBLIC" ซึ่งนิกส์ชอบใช้สินค้าจากแบรนด์นี้หลายชิ้นเพราะเค้ามีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติค่อนข้างเยอะ และนิกส์ใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่นิกส์จะมารีวิวให้ดูกันเพื่อแก้ปัญหาที่นิกส์บอกไว้ ได้แก่ แท่น แทน แท้นนนน....NATURE REPUBLIC armpit kit COTTON และ  NATURE REPUBLIC hair removal cream COTTON  จากที่เห็นเค้าเป็นชุดแบบครบเซตเพื่อดูแลใต้วงแขนโดยเฉพาะทีมีส่วนประกอบสำคัญจากดอกแมกโนเลียที่มีคุณสมบัติในการยกกะชับ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดสิวจากแบคทีเรีย ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและชุ่มชื้นค่ะ เดี๋ยวนิกส์จะรีวิวแยกให้ทีละชุดรวมสามชิ้นนะคะ ไปดูกันค่ะ -->>





มาดูกันที่ชิ้นแรก NATURE REPUBLIC COTTON up hair removal cream   ชิ้นนี้เป็นครีมกำจัดขนรักแร้ที่ยาวออกมาค่ะ






ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้มในรูปแบบของขวดบีบนะคะ มีปากที่สำหรับป้ายครีมทำจากซิลิโคนนิ่ม ตรงหัวจะบิดได้มีเขียนคำว่า on (บิดขวา)/off(บิดซ้าย) ไว้เพื่อให้รู้เปิด/ปิดด้านไหน โดยข้างกล่องมีเขียนวิธีใช้ไว้เป็นภาษาเกาหลีพร้อมรูป (อ่านเกาหลีไม่ออกก็ดูรูปเข้าใจค่ะ ^ ^) หลังกล่องเป็นคำบรรยายสรรพคุณเป็นเกาหลีหมดนิกส์เลยไม่ถ่ายมา อีกด้านมีคำบรรยายวิธีใช้และข้อควรระวัง รวมถึงทิปการใช้ไว้ โดยหลอดนี้ มีขนาด 50g  ราคา 10,900 วอน หรือ 9.81 USD (ราคาในช็อปไทยเช็คอีกทีนะคะแต่ไม่ต่างกับที่เกาหลีมาก) องค์ประกอบสำคัญเป็น thioglycolic acid 80% ว่าง่ายๆเป็นกรดที่ละลายขนรักแร้น่ะค่ะ และน่าจะมีน้ำหอมหรือสารสกัดที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆจากดอกแมกโนเลียด้วย แต่นิกส์หาส่วนประกอบทั้งหมดมาไม่ได้อ่ะ T^T


ทีนี้มาดูวิธีใช้ Hair removal cream cotton กันค่ะ
1. ล้างและซับรักแร้ให้แห้ง จะด้วยน้ำเปล่าหรือสบู่ก็ได้ค่ะ แต่นิกส์พบว่าใชน้ำสบู่ทำให้ครีมทำงานได้ดีมากขึ้นอ่ะค่ะ 
2. จับหลอดตรงส่วนบนของหลอดบิดไปทางขวาตามคำว่า on เพื่อเปิดหลอดแล้วบีบครีมออกจากหลอดเบาๆ ตรงปลายซิลิโคนจะมีครีมออกมาให้มีจำนวนที่พอเหมาะไม่พอค่อยบีบครีมมาป้ายรักแร้เพิ่มได้
3. หันด้านที่มีครีมป้านลงตรงรักแร้ที่ต้องการกำจัดขน แล้วทิ้งไว้ประมาณ 5 - 10 นาทีโดยไม่ต้องถูผิว ต่อจากนั้นใช้นิ้วมือถูบริเวณรักแร้เบาๆ เพื่อเกลี่ยผลิตภัณฑ์ให้แน่ใจว่าทั่วถึงบริเวณที่ต้องการและเคลือบขน (ไม่ทำก็ได้ถ้าคิดว่าทั่วแน่ๆและเพียงพอ) แล้วล้างด้วยน้ำที่สะอาด เพื่อให้ขนรักแร้หลุดออกให้หมด แล้วเช็ดผิวให้สะอาดด้วยผ้าเปียกหรือผ้าสักหลาด ถ้าเป็นขนแข็งให้ทำเหมือนเดิมซำ้อีกรอบแต่ทิ้งไว้แค่ 2-3 นาทีแทน แต่อย่าทิ้งเกิน 10 นาทีนะคะ กรดในผลิตภัณฑ์อาจจะทำให้ระคายเคืองได้ หลังจากใช้งานเสร็จให้ปิดส่วนบนของหลอดไปทางซ้ายตรงคำว่า off เพื่อทำการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ให้เรียบร้อย เช็ดปลายซิลิโคนด้วยนะคะ ถ้าไม่เช็ดล่ะมาใช้อีกทีเป็นคราบเหลืองแน่ๆ  (เจอมาตรงรูครีมออก == )




ครีมกำจัดขน NATURE REPUBLIC Hair removal cream cotton เค้ามีสองรุ่นนะคะคือหัวฟองน้ำกับแบบหลอดป้ายที่นิกส์รีวิวให้ดู ซึ่งรุ่นหลอดป้ายจะแพงกว่าแต่ปริมาณน้อยกว่า 10g (= =) แต่ใช้งานง่ายกว่า ไม่ต้องกังวลว่าจะเปื้อนมือ ครีมที่ใช้ในแต่ละข้างก็ไม่มากเท่าไหร่ก็ทั่ว เนื้อครีมสีขาวมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เวลาที่ทิ้งไว้แรกๆไม่แสบหรือกัดผิวอะไร แต่ตอนใกล้สิบนาทีเริ่มแสบนิดๆเลยล้างออกค่ะ อย่างที่เห็นในภาพว่าเค้าจะละลายขนที่โผล่มาข้างบน พวกขนคุดหรือขนที่เส้นหนาๆจะยังมีเหลือเป็นรอยอยู่บ้าง และผ่านไปไม่ถึงสองวันขนก็เริ่มกลับมา (ธรรมชาติขนยาวขึ่นเหมือนผมนั่นละค่ะ)

สรุป ข้อดี -ใช้งานง่าย ขวดพอดีมือ หัวซิลิโคนนิ่ม ป้ายๆเอา 
             -ใช้เวลาทิ้งไว้น้อยใช้ในวันที่มีเวลาจำกัดได้
             -ไม่แสบเท่าที่เคยใช้มา ชิ้นนี้อ่อนสุด 
             -กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนดอกไม้เหมาะมากกับคนที่ไม่ชอบกลิ่นเคมี
             -พอขนไม่ถูกดึงจะทำให้ไม่เป็นหนังไก่แบบที่นิกส์เป็น 
      ข้อเสีย -เส้นขนหลุดออกไม่หมด ถ้าล้างรักแร้ก่อนป้ายด้วยน้ำสะอาดอย่างเดียว
                 -ตรงรูครีมออกขนาดทำความสะอาดทิ้งไว้ยังมีคราบเหลืองๆอุดรู (น่าจะเป็นครีมที่ออกซิ                         ไดซ์) ทำให้ครีมออกยาก ต้องเขี่ยคราบออกก่อน ดีที่ซิลิโคนนิ่มเลยง่ายหน่อย
ชิ้นนี้เอาไป 8/10 คะแนนค่ะ เพราะการทำหน้าที่ผลิตภัณฑ์ไม่ตอบสนองเราได้ 100% ตามที่บอกข้างบนค่ะ


มาชิ้นต่อไปกันค่ะ ชุด NATURE REPUBLIC COTTON armpit kit ชุดนี้เป็นครีมสำหรับล้างและบำรุงผิวรักแร้ค่ะ




เซ็ตนี้เค้าจะประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์แบบหลอดบีบ 2ชิ้นสำหรับล้างและบำรุง ในราคา 9,900 วอน หรือ 8.91USD (เช็คราคาช็อปไทยอีกทีนะคะ) มีน้ำหอมทั้งสองชิ้นแต่น้อยมาก ทีนี้ไปดูทีละชิ้นกันค่ะ
.
.

1.Cotton armpit wash  สำหรับล้างทำความสะอาดใต้วงแขน แบบครีมโฟมผสมสครับมาด้วย มีส่วนประกอบจากธรรมชาติคือสารสกัดจากดอกแมกโนเลีย ต้นPortulaca oleraceaซึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และสารสกัดจากมะละกอ มีผสมน้ำหอมหน่อยนึงแต่น้อยสุดละในส่วนประกอบ มาในขนาด 80ml  เป็นเนื้อครีมสีขาวมีเม็ดสครับอยู่ข้างใน มีกลิ่นหอมอ่อนๆ


วิธีใช้ก็ บีบครีมลงฝ่ามือในปริมาณเล็กน้อยในระหว่างที่อาบน้ำ (ที่เห็นในรูปนั่นนิกส์ใช้ได้สองข้างเลย 55) แล้วนวดสครับเบาๆ บนรักแร้จนเกิดฟองแล้วล้างออกด้วยน้ำที่สะอาด



   ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้อย่างที่บอกเค้าจะมีเม็ดสครับเล็กๆผสมมาเพื่อขัดเอาผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่แล้วดูขาวขึ้น และมีเมนทอลผสมทำให้รู้สึกสะอาดขึ้นแต่ไม่ได้รู้สึกเย็นอะไร มีกลิ่นหอมอ่อนๆตอนใช้ ใช้แล้วนิกส์ไม่แพ้ แต่รู้สึกว่าเม็ดสครับน้อยไปหน่อยเพราะเม็ดสครับละลายหายไปเร็วกว่าสครับอื่นๆที่เคยใช้มา เลยอยากให้เพิ่มปริมาณมาอีกหน่อย ชิ้นนี้ให้ 9/10 คะแนน ทางแบรนด์ทำมาแบบโฟมที่สามารถใช้ได้ทุกวันแต่นิกส์ว่าให้ใช้เช้าเย็นผิวคงบางก่อน ใช้แค่ตอนเย็นหรือวันเว้นวันจะดีกว่าค่ะ ผิวจะได้ไม่บางเกินไปด้วยและให้เวลาผิวซ่อมแซมตัวเองด้วย

2.Cotton armpit whitening cream (brightening)  สำหรับการบำรุงหลังทำความสะอาด มาในขนาด 50ml มีส่วนประกอบจากกลีเซอรีน, แอลกอฮอล์, สารสกัดจากส่วนต่างๆของดอกแมกโนเลีย, สารสกัดจากดอกคามีเลีย, สารสกัดจากมะละกอ และสารจากรากชะเอมเทศที่ช่วยลดการอักเสบของผิว ลดการระคายเคือง ลดรอยแดงจากสิว ลดความมันของผิว



วิธีใช้ หลังจากอาบน้ำเสร็จให้ซับน้ำที่รักแร้ให้แห้งแล้วทาครีมในปริมาณที่พอเหมาะ ที่นิกส์บีบมานี่ทาได้สองข้างเลย แล้วนวดครีมวนๆเพื่อทำให้ครีมซึมซับลงสู่ผิว แปบเดียวก็ซึมแล้วค่ะ



จากที่ใช้ชิ้นนี้เป็นครีมเนื้อคล้ายๆบัตเตอร์ครีมแต่ยังไม่หนาเท่า ตอนที่เพิ่งใช้เสร็จแรกๆจะรู้สึกว่ามันๆนิดๆ แต่ผ่านไปสักพักก็รู้สึกแห้งขึ้น (มันไม่แห้งทันทีไง) มีกลิ่นหอมอ่อนๆ หลอดบีบใช้งานง่ายขนากพอดีมือ ชิ้นนี้ให้ 9.5/10 คะแนน หักตรงที่แห้งช้านี่แหละ แต่ผิวเราเรียนเนียนและขาวขึ้น

อย่างที่รู้กันนะคะพวกสกินแคร์เราต้องให้เวลาเค้าทำงานหน่อย นิกส์ลองใช้ต่อกัน 1 อาทิตย์ในชุดcotton armpit kit โดยใช้ตัวโฟมทุกเย็นกับทาครีมเช้าเย็น และใช้hair removal cream 2 ครั้ง ผลลัพธ์อย่างที่เห็นค่ะ คือขนมีขึ้นมาหรอมแหรม แต่ก็พอจะโอเคอยู่ ดูผิวเนียนขึ้น ผิวหนังไก่ดูยุบลง รอยคล้ำดูขาวขึ้น อาจจะไม่ 100% แต่ดีขึ้นเยอะอยู่ ใส่พวกเสื้อกล้ามไปโหนรถ ไปออกกำลังกายแล้วรู้สึกมั่นใจขึ้น โดยรวมให้ 9/10 สำหรับชุดนี้ ชอบตัวครีมทาบำรุงมากสุดค่ะ


สำหรับคนทีสนใจอยากซื้อสามารถไปที่ช็อปตามสาขาที่มีในภาพข้างล่างได้เลยนะคะ อ่อตอนนี้มีNATURE REPUBLIC สาขา The Mall นครราชสีมา ด้วย หรือใครชอบซื้อออนไลน์ ไปซื้อได้ที่http://en.koreadepart.com/item/1402980499/  หรือดูทางเว็บเกาหลีhttp://www.naturerepublic.com/ เพื่อดูผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่ หรือไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/NatureRepublicTH/

สำหรับวันนี้ไปก่อนนะค้าาา บะบายยยยย (^ ^)//  <3