วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โฟมล้างหน้าที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ใช้ได้->>Hada Labo Face Wash

สวัสดีผู้ที่เข้ามาอ่านทุกท่านค่าาา โพสต์นี้นิกส์ก็มีของมาแนะนำรีวิวกันอีกเช่นเคย โดยรอบนี้เป็นของที่ต้องใช้ทุกวันโดยเฉพาะคนที่แต่งหน้า ทากันแดด ทาครีมหรือทำกิจกรรมประจำวันนอกบ้าน นั่นก็คือโฟมล้างหน้านั่นเองค่าาา ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่นิกส์จะนำมารีวิวกันก็คือ ...Hada Labo Face Wash (ฮาดะ ลาโบะ เฟส วอส) สินค้าตัวนี้เริ่มวางขายในไทยเมื่อไม่นานมานี้ ใน 4 สูตรด้วยกัน โดยตัวที่นิกส์ลอง คือ Hada Labo Softening & Whitening Face Wash ซึ่งเป็นโฟมล้างหน้า เพื่อผิวกระจ่างใส นุ่มชุ่มชื่น (แถบสีน้ำเงิน-แดง) ตามภาพด้านล่างเลยค่ะ ^^



เค้ามีขาย 2 ขนาดด้วยกันนะคะ คือ
ขนาด 100 กรัม ราคา 175 บาท : มีขายที่ Supermarket และ health & beauty store ชั้นนำ เช่น ท็อปส์ บูทส์ วัตสัน มีขายทั้ง 4 สูตรด้านล่างเลยค่ะ
ขนาด 50 กรัม ราคา 89 บาท : มีขายที่ 7-Eleven ทุกสาขา มีขาย 2 สูตร คือSoftening & Whitening  และ Deep Clean & Blemish Control




ภาพจาก: instagram.com/we_love_hadalabo

Hada Labo Mild & Sensitive Skin Face Wash เพื่อผิวบอบบางแพ้ง่าย (แถบเหลือง-ทอง)
 Hada Labo Softening & Whitening Face Wash เพื่อผิวกระจ่างใส นุ่มชุ่มชื่น (แถบสีน้ำเงิน-แดง)

 Hada Labo Deep Clean & Blemish Control Face Wash เพื่อผิวใสไร้สิว (แถบสีฟ้า-ม่วง)

Hada Labo Deep Clean & Pore Refining Face Wash เพื่อรูขุมขนกระชับ (แถบเขียวเข้ม-อ่อน)

โดยโฟมล้างหน้าฮาดะ ลาโบะ เฟส วอสเป็นโฟมล้างหน้าแบบฟองโฟมที่ต้องตีฟองขึ้นมาเอง จะใช้มือตีฟองขึ้นมา หรือตาข่ายตีฟองโฟมช่วยด้วยก็ได้ ซึ่งเป็นการล้างหน้าแบบสาวญี่ปุ่นฮิตๆกัน เพราะฟองโฟมจะช่วยลดแรงเสียดสีระหว่างมือกับหน้าที่เป็นสาเหตุนึงของริ้วรอยบนหน้า แถมอนุภาคในโฟมจะลงไปทำความสะอาดตามรูขุมขนได้มากขึ้น 



   ส่วนประกอบที่สำคัญของโฟมล้างหน้าฮาดะ ลาโบะ เฟส วอสมีหลายตัวที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ได้แก่ สารสกัดจากองุ่นแดงที่ช่วยผิวกระจ่างใสยิ่งขึ้น, สารสกัดจากเมล็ดงาช่วยทำให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส และสารที่สำคัญคือ Hyaluronic Acid ที่ช่วยเติมเต็ม และกักเก็บความชุ่มชื่น ทำให้ผิวไม่แห้งตึงหลังล้างหน้า คนที่ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้เนื่องจากเค้าไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำมันแร่ น้ำหอม และสี ที่อาจก่อการแพ้และการเกิดสิวได้



เนื้อของครีมโฟมเวลาบีบออกมาเค้าจะเป็นสีขาวๆนะคะ โดยบีบออกมาในปริมาณที่ไม่ต้องเยอะมากเกินไปประมาณครึ่งนิ้วก้อยก็ได้ แล้วค่อยๆหยดน้ำเอานิ้วตีขึ้นมาเหมือนเวลาเราตีไข่เจียวก็ได้ แต่นิกส์ชอบใช้ตาข่ายตีฟองโฟมมากกว่าเพราะจะได้ฟองที่หนานุ่มและรวดเร็ว เวลาที่เราล้างหน้าก็เอาน้ำสะอาดลูบหน้าสักนิดนึงแล้วเมื่อได้ฟองขึ้นมาก็เอาลูบหน้าได้เลยโดยค่อยๆถูนวดเป็นวงกลมและลูบขึ้นตามแนวแก้มเพื่อกระชับหน้า ส่วนตรงจมูกนิกส์จะลูบตามแนวรูขุมขนเพื่อให้ฟองโฟมลงไปทำความสะอาดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยในภาพนิกส์จะล้างให้ดูครึ่งหน้าจะเห็นว่าด้านที่ถูกล้างมีความขาวกระจ่างใสมากกว่าด้านที่ยังไม่ล้างอย่างชัดเจน

ลองเทียบรูปล้างครึ่งกับล้างทั้งหน้ากันค่ะ เห็นความขาวกระจ่างใสกัยมั้ยต่ะ

จากการที่ใช้มาสักพัก นิกส์ที่เป็นคนผิวค่อนข้างแพ้ง่ายก็ไม่มีปัญหาการแพ้นะคะ แถมผิวหน้ากระจ่างใสดี ฟองโฟมมีกลิ่นน้อยมากเพราะเค้าไม่ใส่น้ำหอม ฟองโฟมที่ตีได้ก็หนานุ่มดีเวลาเอาลูบบนหน้ารู้สึกดีมาก หลังการล้างแล้วซับหน้า หน้าก็ไม่แห้งตึงแถมมีความนุ่มชุ่มชื่นอยู่ และที่ชอบมากตรงที่เค้าไม่ผสมแอลกอฮอล์ น้ำมันแร่ น้ำหอม และสีลงไป คนผิวปกติและที่ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้ ราคาไม่แพงแถมมีโปรบ่อยอยู่ จัดว่าเป็นของนำเข้าที่ถูกและดีเลยค่ะ ส่วนใครมีเรื่องอยากสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทั้งHada Labo Face Wash หรือ ผลิตภภัณฑ์ชิ้นอื่นๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ทาง https://www.facebook.com/WeLoveHadaLabo/ หรือสนใจจะลองใช้ก็ตามร้านที่นิกส์บอกข้างบนเลยค่า ^^<3 







วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Top coat น้ำยาเคลือบเล็บถูกและดีจาก Daiso

ดีค่าาาาา มาเจอกันอย่างนี้ แสดงว่านิกส์มีอขงมารีวิวอีกแล้วนะคร้าบบบ อยากจะให้ทายว่าคืออะไร แต่หัวข้อก็บอกอยู่ข้างบนแล้วอ่ะเนอะ 555 มาๆ ใครชอบทาเล็บมาทางนี้นิกส์มีตัวTop coat ที่ถูกและดีมานำเสนอ นั่นก็คือ....Winmax Top Coat ซึ่งเค้าเป็น น้ำยาเคลือบเล็บจากร้าน Daiso นั่นเองงง ไหนใครไม่รู้จักร้านไดโซะบ้าง ถ้าไปญี่ปุ่นกันร้านนี้คือร้านดังเลย เพราะเค้าคือร้านร้อยเยน รวมภาษี ก็ 108เยน เข้าทีนิกส์ไม่เคยเสียต่ำกว่าพันเยนเลย T^T แต่ตอนนี้เค้ามาเปิดในไทยหลายสาขาทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัดเลย มีผลิตภัณฑ์หลายชิ้นเลย ในราคา 60 บาท {แต่บางตัวก็ไม่ใช่ 60น้าาา ดูราคาที่ติดด้วยนิดนึง} ทีนี้นิกส์เป็นคนชอบทาเล็บ แต่ตัวเองไว้เล็บยาวมากไม่ได้เพราะหักง่ายแถมเล่นเครื่องดนตรีมันจะกดยาก สีก็ชอบถลอก เลยชอบหาตัวน้ำยาเคลือบเล็บดีๆมาใช้เพื่อให้ยาทาเล็บอยู่กับนิ้วนานๆหน่อย ขี้เกียจทาบ่อย ><"
 แต่ถ้าแพงมันจะไม่เป็นมิตรกับตังค์ในกระเป๋าเท่าไหร่ เจอคนบอกว่าตัวนี้ดีเลยลองบ้าง นั่นก็คือ Winmax Top Coat เค้ามี 2 รุ่น ด้วยกันนะคะ
- Winmax Matte Finish Top coat รุ่นนี้ทาแล้วจะได้เนื้อผิวที่ด้านขึ้น (ขวดน้ำเงิน)
- Winmax Super Glossy Top coat รุ่นนี้จะได้สีที่สะท้อนแสงขึ้นไปอีก (ขวดแดง)


ส่วน รุ่นที่นิกส์เอามารีวิวก็คือตัว Winmax Matte Finish Top coat นะคะ เพราะเทรนด์เนื้อด้านหรือแมทช์กำลังมา ชั้นก็จะด้านตั้งแต่ตา ปาก แก้ม ยัน เล็บ 555 ^o^ ตัวรุ่นแมทช์จะเป็นแพกเกจสีน้ำเงินเข้มมีรูปนิ้วสีชมพูสวยๆ ตัวน้ำยาเคลือบจะสีน้ำนมขาวขุ่นๆหน่อยในขวดฝาสีน้ำเงิน มีคำว่า matte ข้างหน้า เพื่อความชัวร์ว่าหยิบขวดไม่ผิดแน่ๆ






ตัวแปรงทาของเค้าจะคล้ายๆพัดนะคะ จากรูปจะเห็นว่ามีนำยาเคลือบเล็บสีนมๆ เวลาทาตอนแรกก็จะเห็นสีเหมือนนมๆขาวๆ แต่แปบเดียวก็จะเป็นสีใสเข้ากับสีเล็บแล้ว แล้วสีของยาทาเล็บก็จะค่อยๆด้านขึ้น กลิ่นน้ำยาเคลือบเล็บตัวนี้ไม่แรงมากและตัวเนื้อผลิตภัณฑ์ก็ไม่ข้นจนเกินไป เพราะฉะนั้นไม่ทำให้สีถลอกแน่ๆเวลาทา




 นิกส์ใช้ทามา 2 รอบ 2 ชนิดสีแล้ว ตัวสีม่วงเข้มคือสียาทาเล็บแบบทั่วไป ส่วนสีแดงคือยาทาเล็บแบบเจล โดยนิกส์จะทานิ้วเว้นนิ้ว เพื่อดูความต่าง จะเห็นได้ว่านิ้วที่ไม่ได้ใช้ Winmax Matte Finish Top coat จะมีการสะท้อนแสงของยาทาเล็บมากกว่านิ้วที่ทาแมทช์ท็อปโคท เห็นความด้านที่เกิดขึ้นกันรึเปล่าเอ่ยยยย กับยาทาเล็บทั้งสองแบบได้ผลลัพท์ที่เหมือนกันเลยค่าาาา ^^




ผลิตภัณฑ์Winmax Matte Finish Top coat นิกส์ชอบมากกกก เพราะทำให้เปลี่ยนลุคสีเล็บและการแต่งตัวได้ด้วย โดยเฉพาะเอาสีแดงกับสีเทา-น้ำตาลมาทำเป็นลุคแมทช์นะ ดูแพงมาก ในราคาที่สบายกระเป๋า ตัวแปรงที่ใช้ทาก็ใช้งานได้ง่าย กลิ่นไม่แรงเกินไป แถมทำให้สีเล็บถลอกช้าลง อยู่ทนมากขึ้นได้ด้วย


อันนี้เป็นภาพจากจีบันนะคะ ทั้งเบส ตัวบำรุงเล็บและทำให้เล็บแข็งแรง ตัวทำเป็นเล็บเจล และตัวท็อปโคททั้งแมทช์และกลอส มีชื่ออยู่ข้างหน้าเลยในภาพขาดตัวควิกดราย แห้งเร็วไป(ขวดสีฟ้าอ่อน) ถ้ายังไงลองเช็คที่ร้านอีกทีน้าาา เพราะบางทีของอาจหมดได้ ของหมดก็สั่งทางเนตเลยยยย


ถ้าไปซื้อที่ญี่ปุ่นราคาประมาณ30-40บาท ขึ้นกับค่าเงินนะคะ แต่บอกก่อนว่าอาจไม่เจอทุกสาขา นิกส์เคยไปเดินหามาแล้ว เพราะงั้นซื้อในไทยง่ายกว่า ซื้อทางเนตได้มีสินค้าแน่ๆ ส่วนใครที่สนใจหรืออยากสอบถามสินค้าไปดูได้ที่ https://www.facebook.com/daisothailand/ หรือสั่งซื้อจากทางเว็บโดยตรง http://www.daisoeshop.com/ ในหมวดสินค้าเกี่ยวกับการดูแลเล็บ หากมีข้อสงสัยในการสั่งซื้อจากทางเวบก็กดตรง FAQ ไปอ่านดูนะคะ แต่ถ้าใครสะดวกก็ไปที่ร้านเลย มีสาขามากกว่า 70 สาขาทั่วประเทศเลยค่าาาา ^0^

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

หนังไทยเรื่องพริกแกง ไปดูเพราะรูปอาหารและนักแสดงรุ่นเดอะ

นานๆทีนิกส์จะมีรีวิวอะไรที่นอกเหนือจากความสวยความงามสักที < มันแล้วแต่ฟิลลิ่ง 55 > มาวันนี้ก็เพราะหนังไทยที่ทีเซอร์ชวนกิน นั่นก็คือ ภาพยนต์ไทยเรื่อง พริกแกง แค่ชื่อก็นึกเป็นภาพอาหารละ ทีนี้นิกส์ได้ Gift Voucher จากทาง Major Cineplex มา 2 ใบสำหรับที่นั่งปกติในระบบฟิล์ม 35mm. / Digital 2D หรือ Digital 3D ตามภาพด้านล่าง เลยไปดูในช่วงวันหยุดยาววันแม่มาค่ะ



จากบัตรเค้าจะเขียนไว้อยู่นะคะว่าไปใช้กับสาขาไหนได้บ้าง  โดยสามารถนำไปใช้ได้ที่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์, พาราไดซ์ ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ อีจีวี ทุกสาขา ดูภาพบัตรใกล้ๆ แค่ซองก็ดูเริ่ดแล้ว ( พวกชอบอักษรสีทอง แต่ถ่ายรูปยาก 55 ==" )




ทีนี้บ้านนิกส์อยู่ต่างจังหวัด แถมไม่ได้ใกล้โรงหนังขนาดจะเดินไปเช็ครอบเองได้ เลยใช้ Applications : Major Movie Plus เพื่อเช็ครอบการฉายภาพยนตร์ ซึ่งแอพนี้นิกส์โหลดมาตั้งแต่ช่วงแรกๆที่เค้าเปิดให้ใช้เลย เพราะง่ายเวลาวางแผนไปดูหนังที จะได้กำหนดเวลาถูก แถมเค้าพัฒนาแอพมาให้ใช้ง่ายขึ้นเยอะ วิธีใช้ก็ตามด้านล่างเลยค่ะ


กดเข้าที่ชื่อแอพ จะเจอหน้าตาแบบด้านล่าง เลือกเลยค่ะว่าจะไปดูที่โรงภาพยนตร์สาขาไหน อย่างของนิกส์ตั้งไว้แล้วว่าจะไปดูที่สาขาบิ๊กซี ราชบุรี ถ้าได้สาขาแล้วก็เลื่อนเลือกหนังที่จะดูเลย อย่างของนิกส์ดูพริกแกงใช่มั้ย ถ้าจิ้มตรงกลางภาพก็จะได้ดูทีเซอร์ก่อนว่าน่าสนใจมั้ย แล้วค่อยซื้อบัตร หรือถ้าชัวร์แล้วก็จิ้มซื้อเลย เค้าจะมีรอบการฉายมาให้เลือก

ทีนี้ถ้าเราจะเปลี่ยนสาขาโรงหนัง ก็จิ้มตรงสาขาแล้วเลือกเลย เค้าก็จะมีสาขาที่ใกล้เรา หรือสาขาอื่นๆมาให้เลือก เลื่อนดูตามชอบ แต่ถ้าใครรู้แล้วว่าจะดูจากโรงฉายแบบไหนก็เลือกที่ประเภทโรงภาพยนตร์เลย เค้ามีตั้ง 5 แบบให้เลือก ทั้ง IMAX, 4DX, Dolby Atmos, REAL 3D และ Digital 3D ซึ่งนิกส์ก็ยังเคยดูไม่ครบเลย 5555 ^^ สาขาไหนที่เราเลือกเค้าก็จะขึ้นแถบเหลืองๆข้างหน้านะคะ



ถ้าเราเลือกเรื่องได้แล้วก็เลือกวันที่จะไปเลย แต่ส่วนใหญ่จะเลือกเช็คได้แค่ประมาณ 2วัน เพราะเค้าจะมีการปรับเปลี่ยนรอบฉายเพราะ หนังจะเข้าใหม่ทุกวันพฤหัส ถ้าได้วัน ได้รอบแล้วก็กดซื้อตั๋ว ลูกค้าทั่วไปก็ลงทะเบียนอีเมล์และเบอร์โทรเข้าไป ส่วนสมาชิก M Gen ก็ล็อกอินเข้าไปจองได้เลย



ทีนี้นิกส์เช็คกับระบบแล้ว เลยมาที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาบิ๊กซี ราชบุรี {โรงภาพยนตร์ที่ดีสุดในราชรีตอนนี้แล้ว55 :P } กับธันว์ น้องชายนิกส์เอง เรียกว่าแทบไม่มีรูปเพราะน้องไม่ชอบถูกถ่ายรูป นิกส์ก็ไม่ชอบถ่ายคน 555 ตอนมาที่โรงหนังปรากฏว่าเค้าทำการเปลี่ยนรอบฉาย เลยมานั่งกินขนมรอเข้าโรงหนังกัน ได้รอบทุ่มกว่าเลย


อย่างที่บอกเวลาว่างเยอะ จะสิงที่ร้านขนมก็เกรงใจคนขายเลยมาเดินไปมาหน้าโรงหนัง ที่สาขาบิ๊กซี ราชบุรี เป็นสาขาที่ไม่ใหญ่มากนะคะ พึ่งเปิดได้ไม่นานเอง อยู่ตรงมุมฝั่งนึงของห้าง เดินตรงมาจะเห็นป้าย Major Cineplex พร้อมร้านขายป็อปคอร์นก่อนเลย ตรงที่มีคนยืนใส่เสื้อสีเทาแดง คือที่ไว้ซื้อตั๋วกับเจ้าหน้าที่ เลยไปด้านหลังจะเป็นเครื่องขายตั๋วมี 4 เครื่อง แล้วก็จะมีโซฟาวงกลมให้นั่งด้านใน แต่คนเค้านั่งกันเยอะเลยไม่กล้าถ่ายมา เกรงใจเค้า 55  ^^


เรื่องพริกแกง อยู่โรงฉายที่ 4 เรียกว่าอยู่ในสุด แถมเป็นโรงสุดท้ายเลยจ้าาา

ทีนี้มารู้จักกับเรื่องพริกแกงกันก่อนค่ะ
เรื่องนี้นำแสดงโดย นิรุตต์ ศิริจรรยา, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล, อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ, นลินทิพย์ เพิ่มภัทรสกุล นักแสดงรุ่นเดอะเก่งๆทั้งน้านนน :)

กำกับโดย


ประเสริฐสุข เหมทานนท์, เมธี ปัญญาวิชา
เรื่องของเรื่องพริกแกง:
เป็นเรื่องของสองครอบครัวที่รักและหวงแหนอาหารไทยจากฝ่ายหนึ่งของคุณแทนทอง เจ้าของร้านอาหารไทยแท้ที่ไม่ยอมแม้แต่จะให้ใครมาดัดแปลงอาหารไทยโดยมีภรรยาชื่อ คุณธรรญา ซึ่งรักอาหารไทยเช่นเดียวกับคุณแทนทองพร้อมกับลูกสาวชื่อฝน (นิรุตต์ ศิริจรรยา, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, และนลินทิพย์ เพิ่มภัทรสกุล ตามลำดับ) โดยเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยชื่อดังหลายสาขาและมีผู้ร่วมดูแลร้านอาหารไทยเคียงข้างกับครอบครัวนี้มาตลอดเขาคือสมบัติ ผู้จัดการของร้านอาหารไทย(สตาร์บัคส์ พงศ์พิชญ์) สมบัติเป็นคนที่มีอุปนิสัยแตกต่างกว่าใครจริงจังกับอาหารไทย มุ่งมั่น มีคุณแทนทองเป็นเสมือนไอดอลในการใช้ชีวิต ทั้งคุณแทนทอง คุณธรรญา และสมบัติ มีวิธีคิดเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อตอกย้ำให้เชฟหน้าใหม่รับรู้ว่าอาหารไทยนั้นต้องเป็นไทย โดยผ่านการพูด สอน แนะนำจากผู้จัดการร้านเป็นส่วนใหญ่การเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ จึงเกิดขึ้นจากสมบัติ ผู้ผ่านชีวิตคนรอบข้างมากมาย

อีกชีวิตของอาจารย์พิมพ์(พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) อาจารย์ที่สอนนักศึกษาให้เข้าใจถึงอาหารไทย จนวาระสุดท้ายของการเกษียณอายุทำงานอาจารย์พิมพ์มีลูกชายชื่อตุลา(โจ๊ก อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ) ลูกชายที่มีความคิดเป็นของตนเองทำงานมีอาชีพเป็นอินทีเรียออกแบบตกแต่งภายใน ตุลาได้งานออกแบบร้านอาหารไทยสาขาใหม่จากสมบัติซึ่งเป็นรื่องบังเอิญที่ได้มาพบเจอกับครอบครัวคุณแทนทองเจ้าของร้านอาหารไทย ตุลาไม่เป็นที่โปรดปรานเท่าไหร่กับคุณสมบัติ แต่ตุลาถือเป็นเรื่องไม่สำคัญเพราะในความคิดของตุลามิได้มีอคติกับใครเลย ด้วยนิสัยที่พูดน้อยเน้นเรื่องงานแม่กับลูกแสดงให้เห็นความสุขของครอบครัวที่อบอุ่นด้วยภาษาอาหาร จึงถูกโยงใยให้ทั้งสองครอบครัวมาพบกัน



ปกเค้าดูดีนะ มาดูทีเซอร์กันค่ะ บอกเลยว่าภาพอาหารสวย



ทีนี้มาเข้าสู่โหมดการรีวิวของนิกส์ละ เรื่องนี้ให้ 5/10 คะแนน ให้กลางๆเพราะเอาจริงๆเป็นหนังที่คาดหวังไว้มากกับทีเซอร์นะคะ แต่พอดูแล้วมันไม่ใช่อ่ะ นักแสดงรุ่นใหญ่แสดงดีมาก แต่รุ่นเล็กยังแข็งๆ นิกส์ไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังไทยมากขอแค่ไม่เอาพล็อตแบบหนังแมสหนังผีไรพวกนั้น อีกทั้งธีมเรื่องเกี่ยวกับอาหารเค้ามาน่าสนมาก แต่พอดูจริงภาพสวยเหมือนในนิตยสารชวนกิน แต่ไม่ได้รู้สึกเหมือนชั้นจะต้องไปหามากิน ชื่อเรื่องเหมือนจะเผ็ดแซ่บแต่เนื้อเรื่องจืดชืดมาก  ประโยคคำพูดที่ชวนงง ไม่สมเหตุสมผล แถมยัดเยียดคำว่าความเป็นไทยจนมากเกินไปขนาดเรื่องพระนเรศวรยังไม่รู้สึกขนาดนี้เลย มีตลกบ้างจากมุขที่สตาร์บัคส์เล่น แต่กลอนและสารพัดประโยคในเรื่องถ้าตัดมาเป็นภาพน่ะโอแต่พอเป็นหนังแล้วแบบ แม่เจ้าาาาา เมื่อไหร่หนังจะจบ การตัดต่อฉากหนังก็ฉับๆเลย ไม่ไม่ต่อเนื่องอ่ะ สงสารน้องที่มาดูด้วยเลย ทั้งเรื่องชอบฉากทำอาหารกับแม่ฉากเดียว กับได้รู้จักอาหารที่ไม่เคยเห็นหลายๆอย่าง ที่เหลือก็บัย!! พอๆเลิกๆ ไปดูซีรี่ย์เกาหลีหรือการ์ตูนโซมะยังหนุกกว่าเยอะเลย สรุปว่าได้การอนุรักษ์อาหารและขนมไทยมั้ยก็คงได้แต่ก็ไม่เกินจากที่กินทุกวันนี้หรอก เพราะนิกส์ไปประเทศไหนก็พกพวกน้ำพริกนรกไปด้วยอยู่แล้ว เลยได้รสชาติอาหารต่างประเทศแบบไทยๆมาบ้างอยู่แล้ว

สำหรับใครที่รักการดูหนัง นอกจากจะเช็ครอบ เรื่อง รวมถึงหาทีเซอร์ดูจากแอพ แล้ว ยังสามารถดูได้จาก http://www.majorcineplex.com/ หรือเข้าไปพูดคุยสอบถาม รวมถึงอัพเดตโปรต่างๆของทางเมเจอร์และโรงภาพยนตร์ในเครือได้ทาง https://www.facebook.com/MajorGroup

วันนี้ไปแล้วๆ บะบายค่าาาา ^^ <3







น้ำเชอร์รี่ผสมเลมอน Capri-Sonne Kirsche ที่มันเชอร์รี๊เชอร์รี่ 😁

สวัสดีค่าาาาา วันนี้นิกส์ก็หาของมารีวิวอีกแล้ว แต่รอบนี้ไม่ใช่เครื่องสำอางแต่มาบอกกันในเรื่องเครื่องดื่มของกินกันบ้างนะคะ 🍹🍲 ส่วนที่จะมารีวิวคุยกันคือเครื่องดื่มตรา Capri-Sonne  อ่านว่า คาร์ฟี-โซนี หน้าซองถุงเครื่องดื่มจะเขียนว่าCapri-Sonne Kirsche (คำหลังอ่านว่าเคทเช่อ แปลว่าเชอร์รี่ ในภาษาเยอรมัน) เค้าเป็นน้ำเชอร์รี่ผสมเลมอน10% จากประเทศเยอรมัน ที่นำเข้ามาขายในไทย ถ้าใครไปยุโรปจะเห็นว่ามีขายทั่วไปรวมถึงในเน็ตในหลากหลายขนาดและรสชาติ ตอนนี้เค้านำเข้าไทยแล้ว ตามร้านซุปเปอร์มาเก็ตใหญ่ๆ เช่น Tops หรือหลายๆที่ มีขาย ในราคาประมาณ 100บาท เช็คราคาอีกทีที่ร้านนะคะ 





ดูรูปแล้วแค่หน้าซองก็สวยแล้วใช่มั้ยล่าาาา สีแดงเชอร์รี่มาเลย เค้ามาในแพกเกจเป็นถุงซองเครื่องดื่มพลาสติก สามารถดื่มหรือพกพาได้ง่าย ข้างหลังมีหลอดแปะมาให้แล้วไว้เจาะตรงรูขาวๆด้านหน้าเพื่อดื่ม หาไม่เจอลองดูรูปตรงมุมซ้ายบนด้านหลัง เค้ามีรูปแสดงให้ดูด้วย พร้อมอธิบายรายละเอียดของเครื่องดื่มมาในหลายๆภาษา เค้ามีภาษาไทยมาให้อ่านนะคะ แต่นิกส์ก็ยังลอกมาอ่านตัวอังกฤษเต็มๆเนาะ 🙄 ใครดูแล้วตาลายหลายภาษาให้หาตัวGB นะคะ (Great Britain) เค้ามาในปริมาณ 200ml แต่ปริมาณพลังงานและสารอาหารเค้าเขียนมาในปริมาณ 100ml เพราะฉะนั้นอ่านได้เท่าไหร่อย่าลืมคูณสอง โดยพลังงานถ้าดื่มหมดซอง คือ 70kcal ก็ประมาณนมเปรี้ยวลดน้ำตาลขวดนึง โดยเค้าผสมน้ำเชอร์รี่เข้มข้น นำ้มะนาวเลมอนเข้มข้น นำ้มะนาวเขียวเข้มข้น ดื่มแล้วได้พลังงานจากน้ำตาลและวิตามินC ไม่ใส่สีและวัตถุกันเสีย อ่อ ถุงเค้าเป็นพลาสติกพอลีเอทิลีน สามารถนำไปรีไซเคิลได้นะคะ ที่ยุโรปเค้าค่อนข้างซีเรียสเรื่องผลิตภัณฑ์ที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมน่ะค่ะ





เจาะรูเทใส่แก้วแล้วดูดีมากกก แต่งลูกเชอรี่สักหน่อย อย่างกับกินน้ำเชอร์รี่ในร้านแพงๆเลย เพราะสีแดงอมชมพูสวยมากก มีกลิ่นเชอรี่หอมๆลอยมาเลย ดื่มเข้าไปแล้วเราจะได้รสชาติเปรี้ยวๆของมะนาวกับเชอรี่ผสมกัน แต่ไม่ได้เปรี้ยวแบบแสบคอ แต่จะมีรสชาติหวานๆแทรกขึ้นมาด้วย ขนาดกลืนลงไปแล้วยังมีกลิ่นเชอรี่ค้างอยู่ในปากเลย นิกส์จะเอาไปแช่เย็นไว้ดื่มตอนอากาศร้อนๆเจาะดูดเลย หรือจะใส่น้ำแข็งดื่มก็ได้แต่อาจจะเจือจางความหวานลงนะคะ



เครื่องดื่ม น้ำเชอร์รี่ผสมเลมอน ตราคาร์ฟี-โซนี นิกส์ให้ 9.5/10 คะแนน เพราะราคาในการที่ทุกคนจะเลือกซื้อหาได้ รวมถึงร้านที่ขายบางจังหวัดอาจจะหายากนิดนึงนะคะ ที่ให้คะแนนเยอะเพราะเค้าตอบโจทย์น้ำเชอร์รี่ทั้งกลิ่นและรส (ขนาดค้างอวลในปากอ่ะ คิดดู๊วววว😜) อีกทั้งพลังงานจากน้ำตาลไม่ได้สูงมาก สามารถดื่มได้ทุกเวลาแต่ถ้าใครคุมน้ำหนักอยู่ก็ดื่มสักครึ่งถุงแล้วแช่ไว้กินต่อก็ได้  ถุงเค้าตั้งได้ดีรูที่เจาะก็ไม่ใหญ่ขนาดจะหกเลอะได้ง่าย  เอาไปผสมน้ำอัดลมเป็นรสเชอร์รี่ก็อร่อย ^o^

ใครสนใจอย่าลืมไปหามาลองดื่มกันน้าาา บะบายค่าาาา ✌🏻️😁



วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สำหรับคนขี้เกียจล้างเครื่องสำอางมีคลีนเซอร์ล้างเครื่องสำอางที่เป็นเซรั่มในตัวมานำเสนอจ้าาา >>Smooth E Extra Sensitive Serum Cleanser


สวัสดีค่าาาา วันนี้นิกส์มีคลีนเซอร์ออยล์ล้างหน้าที่ใช้ล้างเครื่องสำอางมาแนะนำและรีวิวอีกตัว คือ Smooth E Extra Sensitive Serum Cleanser ตัวนี้นิกส์ได้รับจากทางเว็บrevu ที่โคกับทางแบรนด์สมูทอีส่งมาให้ลองใช้แล้วรีวิว โดยเค้าแพ็คห่อบับเบิลตัวขวดผลิตภัณฑ์มาอย่างดีพร้อมกับใบแนะนำตัวผลิตภัณฑ์มาให้อ่านกัน สำหรับคนที่เข้ามาอ่านใหม่ขอแนะนำตัวก่อนนะคะว่านิกส์เป็นคนผิวผสมค่อนทางมัน มีแพ้ครีมและเครืองสำอางบางตัวจนสิวเห่อเต็มหน้ามาแล้วซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองแพ้อะไร T^T ชอบการแต่งหน้าและสะสมพวกเครื่องสำอางมากโดยเฉพาะพวกที่ติดดีติดทน แต่เป็นพวกขี้เกียจเช็ดเครื่องสำอาง(-.-) เลยชอบสรรหาของที่จะช่วยลดเวลาการล้างการเช็ดลง รวมถึงผลิตภัณฑ์ตัวนี้ด้วย และเพราะเค้าดีมากกก เลยมาแนะนำกันค่ะ (^.^)




สมูทอี เอ็กตร้า เซนซิทีฟ เซรั่ม คลีนเซอร์ มาในรูปทรงหัวปั๊มสีขาว ตัวขวดสีเขียว มีตัวอักษรสีขาวภาษาอังกฤษ พร้อมลายสมุนไพรสีเขียวทั้งข้างหน้าและหลังสวยงาม สำหรับคนที่อาจไม่เก่งภาษา ที่ด้านหลังเค้ามีคำบรรยายภาษาไทยนะคะ แต่ถ้าฉีกเปลือกพลาสติกออกมันจะไปด้วยเพราะเค้าแปะบนพลาสติก (ตอนแรกเข้าใจว่าเค้าแปะทับอังกฤษด้านในเลยฉีกซะ T^T อ่างอิ้งเอาสถานเดียว ) ข้างในเค้ามีน้ำในปริมาณที่เยอะนะคะ มาในขนาด 200 ml ราคาอยู่ที่ประมาณ 400 - 500 บาท ขึ้นกับเว็บหรือสถานที่ซื้อเค้ามีโปรโมชั่นรึเปล่านะคะ ตอนแรกที่เช็คราคานิกส์คิดในใจว่าแพงนะแต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้แล้ว นิกส์ว่าคุ้มแก่การลงทุน ^o^



ส่วนประกอบหลักๆคือสารที่จะใช้ในการละลายเครื่องสำอาง แล้วมีการใส่สารบำรุงหลักมา 3 ตัว คือ โจโจ้บา ออยล์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว เพื่อให้ผิวเนียนนุ่มหลังการล้าง นำมันมะกอกจะช่วยในการเติมความชุ่มชื้นและต่อต้านอนุมูลอิสระ และตัวสุดท้ายคือดอกคามิเลีย ที่จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย โดยจะทำหน้าที่เป็นเซรั่มบำรุงหลังการล้าง เค้ามีการใส่น้ำหอมนิดหน่อยนะคะ แต่ไม่ได้ใส่มันจากแร่ธาตุ แอกอฮอล์และสารพาราเบน ที่อาจก่อการแพ้และเป็นสิวได้ โดยถ้าเปิดใช้แล้วควรใช้ให้หมด 12 เดือนนะคะ



ทีนี้เรามาทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้กันก่อนค่ะ เค้าเป็นเซรั่ม คลีนเซอร์ออยล์ล้างหน้าสำหรับคนผิวแพ้ง่าย โดยเป็นเป็นเวชสำอางที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์มาแล้วว่าอ่อนโยน เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย โดยมี Serum Pulling Technology และ Bi-continuous phase technology ในการช่วยทำความสะอาดผิว ฟังดูแล้วงง เอ๊ะมันคืออะไร มาค่ะมาเล็กเชอร์เบาๆกัน ตัวเซรั่มเทคโนโลยีเซรั่มพูลลิ่งใช้หลักการอิมัลชั่น โดยมีตัวเซรั่มเป็นสารอิมัลซิฟายเออร์ (บางคนทำหน้าแบบแล้วมันคือสารไรฟร้าาา) มันคือสารที่ทำหน้าที่แบบเดียวกับพวกแชมพู สบู่ ผงซักฟอกนั่นแหละค่ะ โดยเซรั่มตัวนี้ใช้หลักการเดียวกันคือสารเค้าจะมีสองด้าน คือ ด้านที่ละลายไขมัน เรียกว่าด้านไม่มีขั้ว ตัวนี้จะเข้าไปช่วยละลายไขมันหรือน้ำมัน รวมทั้งเม็ดสีในเครื่องสำอางที่ติดทน กันน้ำ ส่วนอีกด้านจะละลายน้ำ เรียกว่ามีขั้ว จะทำหน้าที่พาเครื่องสำอางไปกับน้ำและทำให้ตัวเซรัมที่เหลืออยู่ซึมลงสู่ผิวหลังจากเปลี่ยนออยล์กลายเป็นน้ำนมด้วยน้ำที่พรมลงไปก่อนการล้างออก เค้าเลยเป็นเซรั่มล้างหน้าบำรุงผิวไปในคราวเดียวกัน






วิธีการใช้ คือเอาSerum Cleanser ที่ปั๊มออกมา ลูบทั่วหน้า ตา ปาก นวดไปในตัว แล้วเอาน้ำพรมเพื่อเปลี่ยนให้ออยล์กลายเป็นน้ำนม นวดต่ออีกนิดหน่อยแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดนะคะ 

ในวิดีโอมีแสดงวิธีการล้าง การทดสอบความมัน และประสิทธิภาพการล้างว่าสะอาดแค่ไหน ไปดูกันได้เลยค่าาา อ๊ะ บอกก่อน นิกส์ใช้แค่ปั๊มเดียวเพราะแค่นี้ก็ทั่วหน้าล้างได้เกลี้ยงแล้ว แต่ขนาดหน้าคนเราไม่เท่ากันเนาะ เพราะงั้นกะประมาณที่พอกับหน้าตัวเองดูนะคะ นี่เป็นวิดีโอแรกที่ทำเลย ถ้ามีผิดพลาดอะไร หรือจะเพิ่มเติมบอกกันได้เลยนะคะ ในวิดีโอคือแต่งหน้าตั้งแต่ตี5 แต่มาล้างให้ดูตอน 5 โมงเย็น หน้าเลยโทรมไปนิด แต่เครื่องสำอางแต่ละตัวนี่ทนมาทั้งวันมาก เพราะไม่ได้เติมหรือซับหน้าเลย เพื่อทดสอบความสามารถของเครื่องสำอางและออยล์ทำความสะอาดด้วยในตัวค่ะ






ข้างล่างนี่เป็นภาพSerum Cleanserแบบใกล้ๆนะคะ จะเห็นได้ว่า เป็นน้ำใสๆ มีความมันของออยล์ แต่ไม่มากเท่าไหร่ มีกลิ่นหอมเหมือนสมุนไพรนิดๆนะคะ 





ส่วนนี่คือภาพแบบชัดๆที่ทดสอบกันในคลิป จะเห็นว่าเค้าไม่มีความมันเหลือนะคะ ส่วนพวกรองพื้น แป้ง คิ้ว แก้ม ตา รวมไปถึงมาสคาร่าที่ทนๆ เซรั่ม คลีนเซอร์ตัวนี้ล้างออกหมดจดไม่มีเป็นคราบนะคะ แต่ลิปทาปากนั้นถ้าเป็นรุ่นทนๆ นางเอาออกไม่หมดอ่ะ มีรอยชมพูๆอยู่นิดๆ ><" ต้องใช้ลิปรีมูฟเวอร์เช็ดซ้ำอีกทีนะคะ



เป็นไงคะเมื่อเทียบการแต่งหน้าแบบจัดเต็ม ขนตางี้อย่างงอนเด้ง ล้างออกด้วยเซรั่ม คลีนเซอร์นี่เข้าไป ขนตางี้ทิ่มลงดินเลย คิ้วหาย รอยแพนด้าและรอยสิว แผลเป็นทั้งหลายก็กลับมาเยือนหมด ==" แต่ปากยังแอบชมพูนิดๆอยู่ 



ตั้งแต่ได้มาจนถึงตอนนี้บอกเลยว่าชอบมาก ใช้ทุกวัน เพราะเค้าทำความสะอาดผิวหน้าได้หมดจดจริงๆ ครั้งเดียวจบไม่ต้องทำไรต่อ จะไม่ล้างหน้าต่อก็ได้ เอาที่สบายใจนะคะ ถ้าวันไหนแต่งหน้าอ่อนๆ ทาลิปบางๆแบบที่หลุดง่าย ไม่ต้องใช้ลิปรีมูฟเวอร์เลย ตัวนี้ตัวเดียวจบ แล้วหลังการล้าง หน้าก็นิ่มไม่มัน เพราะมีเซรั่มช่วยบำรุงต่อ นวดๆหน้าไปช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่หน้าได้ด้วย สามารถใช้กับคนที่แพ้ง่ายและเป็นสิวได้เพราะเค้าเป็นเวชสำอางนะคะ ส่วนเรื่องริ้วรอยคงต้องรอดูในระยะยาวววววเนาะ คนผิวมันใช้ได้ ไม่ทำให้มันเพิ่ม เพราะนิกส์ก็ผิวผสมค่อนมัน ไม่มีการตึงหน้าหลังล้าง 

สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที https://www.facebook.com/SmoothEThailand/ หรือ http://www.smooth-e.com/  

สำหรับคนที่จะซื้อ สามารถไปหาซื้อได้ที่ ที่ห้างสรรพสินค้าและร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศนะคะ Tops, watson, boots ฯลฯ มีหมด หาไม่เจอถามพนักงานโลดดดด


วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เมือกหอยทากผสมทองคำราคาไม่แพง เซเว่นมี " Royal Beauty White Snail Gold Cream "

สวัสดีค่าาา สำหรับคนที่หลงเข้ามาในบล็อกนี้ และคนที่เคยเข้ามาอ่านกันนะคะ (มีป่าวไม่รุ มโนเอา 555 ^^) ช่วงนี้มีแต่ข่าวบันเทิ๊งงง เสียงสูงให้ติดตาม จนไม่ค่อยอัพบล็อก แต่ถ้ามาเจอกันงี้ก็ต้องมีของมารีวิวค่าาา ....นั่นก็คือ.... Royal Beauty White Snail Gold Cream (รอยัล บิวตี้ ไวท์ สเนล โกลด์ ครีม) ซึ่งเค้าเป็นครีมเมือกหอยทากเข้มข้น ผสมทองคำเป็นชิ้นเล็กๆให้เห็นกันเลยทีเดียว 




ก่อนอื่นมาดูที่กล่องกันค่ะ เค้าเป็นกล่องสีขาวมีตัวอักษรสีทองสะท้อนแสงสวยเชียวพร้อมรูปกระปุกมีหอยทากข้างๆ เพราะฉะนั้นตอนไปซื้อมองเห็นแน่ๆ สำหรับคนที่รู้สึกคุ้นๆ เจ้านี้คือ แบรนด์รอยัลบิวตี้ที่ออกครีมเมือกหอยทากซองละ39฿ ที่วางขายในเซเว่นนั่นแหละค่ะ แต่คราวนี้เค้ามีสูตรมาใหม่ คือผสมทองคำเข้าไป แล้วมีวางขายในรูปกระปุกสวยงามดูแพง ในขนาด15 มล.  169฿ ค่ะ (กล่องแพกเกจเค้าดีนะคะพูดเลย😆) หาไม่เจอก็เอารูปถามพนักงานได้เลยค่ะ ข้างกล่องมีคำเคลมของแบรนด์ ส่วนประกอบและวิธีใช้อยู่นะคะ






ส่วนประกอบที่เค้าใส่มามากสุด คือ สารสกัดอัลฟาอาบูติน (Alpha Arbutin)  ตัวนี้จะช่วยในการยับยั้งการสร้างเมลานินทำให้ผิวแลดูเปล่งประกาย กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ Aqua Benzisothazounone จะช่วยทำให้ครีมเป็นน้ำซึมเข้าผิว นอกจากนี้ยังมีผงทองคำที่ผสมอยู่นั้น เมื่อนำไปทาผิวกายโดยการนวดเบาๆ เนื้อทองจะแตกเป็นอนุภาคเล็กๆ ซึมซาบผ่านผิวหนัง ทองคำจะปล่อยประจุลบ ช่วยให้เนื้อครีมทองคำซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวหนังโดยการปรับสีผิวให้สว่างขึ้น ลดอนุมูลอิสระที่เป็นมลภาวะต่อผิวได้เป็นอย่างดี และสารตัวสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ คือ Snail Secretion Filtrate หรือสารสกัดจากเมือกหอยทากนั่นเอง สรรพคุณคือช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น ช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแดงจากสิว  จากที่อ่านมาไม่เจอส่วนประกอบของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบนนะคะ  เพราะฉะนั้นใครที่ผิวแพ้ง่ายน่าจะใช้ได้ แต่ถ้าให้ชัวร์ก็ลองทดสอบก่อนดีกว่าเนอะ 😁





ทีนี้มาดูที่เนื้อครีมเค้ากันค่ะ จากรูปจะเห็นว่าตัวเนื้อครีมเค้ามีสีขาวขุ่นและมีจุดของทองคำที่ผสมอยู่ ถ้าเอามือไปจับมันจะหนืดๆ ยืดๆ หนึบๆ ให้ความรู้สึกคล้ายสไลม์นิดๆ ค่ะ พอลองกับมือทั้งสองข้าง ในรูปจะเห็นคนละข้างเนาะ (อีกมือถือกล้องถ่ายรูปอยู่ 😅) ตอนที่ลงตอนแรกเค้าจะดูเหมือนมีน้ำเกาะที่ผิวแต่แปบเดียวเค้าจะแห้งซึมหมด เหลือไว้แต่กลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายๆแป้งเด็ก แต่ต้องลงให้ถูกวิธีนะคะ ไม่งั้นล่ะงานขุยมาเยือนแน่ (ดูขู่มั้ยคะ 555 😛) 



วิธีการใช้ไม่ยากก่อนอื่นล้างหน้าให้สะอาดแล้วเอานิ้วไปจิ้มครีมมาแต้ม 5 จุดบนใบหน้า แต่มันจะมีสายๆครีมมานิดหน่อยเหมือนเวลาจะป้ายกาวออกมาอ่ะค่ะ จากนั้นเกลี่ยนิดๆแล้วใช้การตบเพื่อกระจายตัวครีมเอา ในรูปนี่เห็นเป็นเส้นยืดๆเลยแหละ 55 ถ้าใช้การถูเพื่อเกลี่ยไปเลย หรือตบน้อยเน้นเกลี่ยส่วนมาก ที่ลองมา มันเป็นขุยอ่ะ อ่อ แล้วถ้าคุณเป็นคนที่ทาสารพัดครีมแบบนิกส์ แนะนำว่าให้ลงหลังเซรั่มหรือน้ำตบตัวที่เนื้อบางๆเบาๆ แล้วรอให้ครีมพวกนั้นแห้งก่อนแล้วค่อยลงตัวนี้นะคะ ไม่งั้นล่ะได้เจอครีม เป็นขุยแบบแม่เจ้าาาา แน่ๆ :P ส่วนหลังครีมตัวนี้แห้งจะลงครีมอื่นต่อหรือรองพื้นก็ได้นะคะ ไม่เป็นขุย แต่เน้นว่าต้องแห้งก่อนน้าาา เค้าจะมีกลิ่นแป้งเด็กติดอยู่นิดๆด้วยแต่พอลงครีมตัวอื่นต่อกลิ่นก็หาย สามารถใช้เป็นประจำทั้งเช้า และก่อนนอน

จากที่ลองมาตัวนี้ให้ 8.5/10 คะแนน ที่หักคะแนนไป เป็นเพราะการใช้งาน ที่ครีมมีความหนืดคล้ายสไลม์ทำให้เวลาจะเปิดฝาข้างในจะแอบยากนิดๆ (ก็มันหนืดแล้วดึงฝาไว้ แล้วเราใช้เล็บแงะมันไม่ค่อยชอบอ่ะ) ตอนป้ายครีมถ้าหน้าพัดลมนะตัวครีมนี่พลิ้วเป็นสายคล้ายตอนตักกาวมันแล้วไปร่วงตามขนตาและปากประจำ ==" และข้อสุดท้ายที่หักก็เพราะความเป็นขุยที่ง่าย ซึ่งเป็นที่นี่เอาออกนานเลย แต่ที่ให้คะแนนสูง เพราะ ส่วนประกอบเค้าดี ใช้แล้วเห็นผลนะ รอยแผลจากที่ไปกดสิวและบีบสิวจางลงไปเยอะ ใช้แล้วหน้านิ่มชุ่มชื้น ไม่ทำให้หน้ามันสามารถใช้กลางวันได้ ไม่ก่อให้เกิดสิวและไม่ได้ใส่สารที่จะทำให้แพ้และเกิดสิวได้ง่าย และอย่างสุดท้าย เพราะเค้าหาซื้อง่าย มีทุกสาขาเซเว่น ในราคาแค่ 169 บาท แต่ได้ขนาดมาพอๆกับพวกครีมแบรนด์ที่ราคาชวนน้ำตาร่วง 



เพราะงั้นผลิตภัณฑ์รอยัล บิวตี้ ไวท์ สเนล โกลด์ ครีม ครีมเมือกหอยทากเข้มข้น ผสมทองคำ ถือว่าเป็นสินค้าอีกตัว ที่บอกได้เลยว่า ถูกและดีและหาซื้อง่าย อีกตัวที่อยากแนะนำค่ะ (^_^  *) ใครสนใจอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที http://www.royalbeautythailand.com/ หรือ https://www.facebook.com/royalbeautythailand นะคะ